Bandwidth คืออะไร มาทำความรู้จักแบนด์วิดท์กัน ฉบับเข้าใจง่าย

Bandwidth คือ เสากระจายสัญญาณ

ในปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ หรือก็คือการติดต่อสื่อสาร คมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ ถูกพัฒนาต่อยอดแบบก้าวกระโดด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในชีวิตประจำวันของเรามีการใช้ข้อมูลข่าวสารอยู่เกือบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการท่องอินเทอร์เน็ต ตอบไลน์ ไถเฟสบุ๊ค ล้วนเป็นการส่งข้อมูลเพื่อการสื่อสารทั้งสิ้น

หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในยุคโลกาภิวัตน์ตอนนี้คือความเร็วของการส่งข้อมูล เพราะในปัจจุบันมีข้อมูลใหม่ ๆ เกิดขึ้นหรืออัพเดทอยู่ตลอด บางครั้งข้อมูลที่ล่าช้าเพียงเสี้ยววินาที อาจทำให้ข้อมูลนั้นไร้ความหมายไปเลยก็ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือด้านการลงทุนในหุ้น การมีข่าวดี-ข่าวเสียหาย เพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นสามารถขึ้นหรือลงได้อย่างมหาศาล

เพื่อตอบรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงเกิดผู้ให้บริการรับส่งข้อมูลต่าง ๆ มากมาย จึงเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตและแข่งขันกันสูง ทั้งความเร็วในการส่งข้อมูลและการบริการ โดยทางผู้ให้บริการจะออกมักโปรโมชั่น ตัวอย่างเช่น 300(ดาวน์โหลดข้อมูล)/300 (อัปโหลดข้อมูล) Mbps (Megabit Per Second) ราคา 299 บาทต่อเดือนเป็นต้น 

นอกจากการให้บริการแบบรายเดือนแล้ว ยังมีการให้บริการแบบเหมาจ่ายเป็นจำนวนข้อมูลที่ต้องการจะใช้เป็น Bandwidth เท่าไหร่ ตัวอย่างเช่นใช้ได้ 1GB (กิ๊กะไบต์) 2GB เป็นต้น หรืออาจจะมีบริการอินเทอร์เน็ตไม่จำกัด แต่ความเร็วจะลดลงเมื่อใช้เต็ม Bandwidth แล้ว

ตอนนี้ทุกคนกำลังสงสัยแล้วใช่ไหมว่า bandwidth คืออะไร แล้วแบนด์วิดท์มีผลต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตอย่างไร วันนี้เราจะมารู้จักกับมันกัน แบนด์วิดท์ มีความหมายว่าอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

Bandwidth คือ

bandwidth คือ ปริมาณการรับส่งข้อมูล (Data-Transfer) ทางอินเทอร์เน็ต โดยคำว่า bandwidth เกิดมาจากการรวมคำของ Band ที่หมายถึง คลื่นความถี่ และ Width ที่หมายถึงความกว้าง ดังนั้นเมื่อนำคำทั้ง 2 คำมารวมกัน bandwidth แปลว่า ความกว้างของคลื่นความถี่ แสดงให้เห็นว่ายิ่งค่าของ bandwidth internet มีค่ามากเท่าไหร่ ความเร็วอินเทอร์เน็ตก็จะมากขึ้นเท่านั้น 

แม้ผู้ให้บริการ network bandwidth บอกขนาดและความเร็วของอินเทอร์เน็ตไว้แล้ว แต่บางคนกลับพบว่า ความเร็วในการรับส่งข้อมูลไม่เป็นไปตามที่ทางผู้ให้บริการระบุเอาไว้ วันนี้เราจะมาอธิบายเหตุผลที่ว่า ทำไม Bandwidth สูง แต่ความเร็วอินเทอร์เน็ตถึงไม่สูงตาม ไปหาคำตอบกันเลย

bandwidth แตกต่างจาก speed, latency และ throughput อย่างไร

เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ Bandwidth ได้ง่ายมากขึ้น เราจะเปลี่ยนเทียบให้เห็นภาพง่าย โดยสมมติว่าคุณต้องการส่งน้ำจากจุด A ไปยังจุด B ซึ่งการส่งน้ำที่ง่ายที่สุดก็คือท่อน้ำ ซึ่งจะขนาดท่อที่แต่ต่างกันไป มีทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง แคบแตกต่างกันไป ยิ่งท่อน้ำมีเส้นผ่านศูนย์กลางมาก ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านก็จะมากตามไปด้วย ถ้าน้อยน้ำก็จะไหลได้น้อยตามไปด้วย

ในเรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Bandwidth ก็เปรียบเสมือนท่อน้ำเส้นนี้ ที่ค่อยส่งข้อมูลไปมาระหว่างกัน โดยความเร็วในการส่งข้อมูลจะให้เป็นหน่วย บิตต่อวินาที (Bit per second) ยกตัวอย่างเช่นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเจ้าหนึ่งให้บริการเน็ตความเร็ว 300/300Mbps หมายความว่าภายในเวลา 1 วินาที สามารถส่งข้อมูลได้ถึง 300 ล้านบิตต่อวินาที  

เพื่อไม่ให้ท่านผู้อ่านสับสนเราขออธิบายเพิ่มเติมว่า ปริมาณรับส่งข้อมูล (Data-Tranfer) หรือปริมาณข้อมูล เราจะนิยมใช้หน่วยเป็น Byte (ไบท์) เช่น 10 MB (10 เมกกะไบท์) 10GB (10 กิกะไบท์) เป็นต้น โดย 1 Byte จะมีค่าเท่ากับ 8 Bit นั้นเอง

Bandwidth (แบนด์วิดท์) vs speed (ความเร็ว)

Bandwidth กับ speed (ความเร็ว) นั้นเป็นผลโดยตรง ยกตัวอย่างเช่นท่อน้ำ (Bandwidth) ที่มีน้ำ(Data) ที่ไปยังจุดหมาย ถ้าท่อมีขนาดใหญ่ น้ำก็สามารถไหลผ่านได้สะดวก รวดเร็ว แต่ถ้าท่อมีขนาดเล็ก น้อยกว่าปริมาณน้ำที่ไหลไป น้ำก็ยังไหลช้าตามไปด้วย ในทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็มีลักษณะเดียวกัน

Bandwidth (แบนด์วิดท์) vs latency (เวลาแฝง)

ฺBandwidth กับ latency (เวลาแฝง) นั้นเป็นการส่งข้อมูลย้อนกลับมายังจุดส่ง หรือก็คือการส่งข้อมูลแต่ละครั้งจะเป็นการส่งข้อมูลทั้งขาไปและขากลับ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณส่งน้ำจากจุด A ไปยังจุด B เสร็จแล้ว เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าทาง B ได้น้ำที่ส่งมาแล้ว B ก็จะบอกส่งข้อมูลบอก A ว่าได้น้ำแล้วเป็นต้น แต่ในทางคอมพิวเตอร์แล้วการส่งข้อมูลกลับมาก็จะผ่าน Bandwidth เหมือนเดิม

Bandwidth (แบนด์วิดท์) vs throughput (ปริมาณงาน)

Bandwidth กับ throughput (ปริมาณงาน) นั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความเร็ว (speed) อย่างมาก ตัวอย่างเช่น การส่งน้ำผ่านท่อถ้าน้ำมีปริมาณมากจนเต็มท่อหรือมากกว่า อัตราการไหลของน้ำก็จะไหลช้าลง แต่ถ้าน้ำที่ไหลผ่านท่อมีปริมาณมีขนาดน้อยกว่าปริมาณความจุ น้ำก็จะไหลไปตามปกติ ดังนั้นต่อให้คุณเพิ่มขนาดท่อ แต่น้ำที่ไหลผ่านมีปริมาณน้อยกว่าความจุ อัตราการไหลของน้ำก็ยังคงเท่าเดิม หรือก็คือต่อให้คุณเพิ่มขนาดของ Bandwidth แต่ข้อมูลที่ใช้ไม่เกินความจุ ความเร็วก็จะไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

Bandwidth มีหลักการทำงานอย่างไร

เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เราจะขอเปรียบเทียบผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นประปาหมู่บ้าน และให้ผู้ใช้บริการเป็นชาวบ้าน โดยแต่ละบ้านที่ต้องการใช้น้ำก็จะไปแจ้งเรื่องแก่ประปาหมู่บ้าน ทางประปาหมู่บ้านก็จะทำการเดินท่อ (Bandwidth) ไปยังบ้านแต่ละหลัง ถ้าใครต้องการให้น้ำไหลเร็ว ไหลแรงก็สามารถแจ้งไปที่ประปาหมู่บ้านให้เปลี่ยนขนาดท่อ (Bandwidth)ที่สามารถส่งน้ำได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ

Bandwidth สำคัญอย่างไร

Bandwidth ถือเป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน เพราะในปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการติดต่อสื่อสาร ไม่ว่าจะส่งอีเมล ส่งไลน์ ส่งข้อมูลต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์ ล้วนจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น Bandwidth ก็คือช่องในการส่งข้อมูลนั้นเอง

เลือก Bandwidth เท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่ากับการใช้งาน

Bandwidth การสื่อสารผ่านทางออนไลน์

การเลือก Bandwidth ให้เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้คุณสามารถประหยัดเงินไปได้อย่างมาก เพราะการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจที่คุณทำ ตัวอย่างเช่นธุรกิจของคุณเป็นอุตสาหกรรมหรือโลจิสติกส์ การที่จะมีคนเข้าเว็บไซต์ของคุณไม่เยอะมากอยู่แล้ว การใช้งาน Bandwidth จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้สูงมากก็ได้ แตกต่างกับเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านข้อมูลข่าวสาร ที่มีการอัพเดทข้อมูลใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้มีผู้คนทั้งเก่าและใหม่ยังคงใช้งานอย่างสม่ำเสมอ จึงต้องใช้ Bandwidth มากขึ้น

นอกจากนี้สำหรับผู้ให้บริการดาวน์โหลดไฟล์ หรือจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น การใช้กล้องวงจรปิด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ Bandwidth ที่ค่อนข้างสูง ตามความคมชัดของตัวกล้องวงจรปิดเอง โดยปกติแล้วกล้องแต่ละตัวจะใช้ Bandwidth อยู่ที่ 20Mbps ซึ่งถ้าคุณใช้กล้องวงจรปิด 5 ตัว คุณจำเป็นที่จะต้องมี Bandwidth ขั้นต่ำอยู่ที่ 100Mbps ซึ่งยังไม่รวมถึงการใช้งานอื่น ๆ ดังนั้นเมื่อเลือกใช้จริง ควรที่จะใช้ Bandwidth มากกว่า 100Mbps

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าการที่เราจะเลือกขนาดของ Bandwidth เราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเราความต้องการของเรามีอะไรบ้าง จากนั้นจึงมาคำนวณว่าต้องใช้ Bandwidth ขนาดเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับงานของเรา แต่ในปัจจุบันเราขอแนะนำให้เลือกความเร็วอินเทอร์เน็ต และ Bandwidth สูง ๆ เพราะการทำธุรกิจ ธุรกรรมต่าง ๆ ล้วนเป็นระบบออนไลน์กันหมดแล้ว

คำนวณว่าเว็บไซต์เราต้องการแบนด์วิดท์เท่าไหร่

สำหรับผู้ที่ต้องการคำนวณว่าเว็บของเราต้องการใช้ Bandwidth เท่าไหร่ สามารถคำนวณได้จากจำนวนผู้เข้าชมรายเดือน ขนาดหน้าเว็บไซต์ จำนวนผู้ชมต่อวัน รวมปัจจัยอื่น ๆ

เลือก hosting ที่เหมาะสมกับขนาดแบนด์วิดท์

การเลือกเว็บไซต์โฮสติ้ง (Web Hosting) หรือเว็บไซต์สำเร็จรูป ควรเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ในอนาคต เมื่อเว็บไซต์หรือธุรกิจมีการเติบโต และมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเลือก Bandwidth แบบไม่จำกัดจึงจะจบปัญหานี้ลงได้ ถึงกระนั้นการเลือก Bandwidth ตามที่เราต้องการใช้งานก็ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด

สรุป

Bandwidth เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อคนทั้งโลกเข้าด้วยกัน

Bandwidth คือปริมาณการส่งข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ การเพิ่มขนาดของ Bandwidth บางครั้งก็ไม่สามารถเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องด้วยปัจจัยมาจากการอุปกรณ์รับส่งข้อมูลเอง ไม่ใช้ขนาดของ Bandwidth ที่น้อยเกินไป หรืออาจจะมาจากบางช่วงเวลามีการส่งข้อมูลพร้อมกันจำนวนมาก เกินกว่า Bandwidth จะเราไหว จึงทำให้ต้องต่อคิวเพื่อส่งข้อมูล จึงอาจทำให้เกิดความล่าช้าขึ้นได้

โดยการเลือกใช้งาน Bandwidth ให้คุ้มค่าที่สุด เราจำเป็นที่จะต้องรูปความต้องการจะให้งานของเราเสียก่อน จึงจะสามารถเลือกใช้ขนาด Bandwidth ที่ตอบโจทย์ของเราได้มากที่สุด