ในปัจจุบันนั้น มีการรับส่งข้อมูลที่มีความสำคัญมากผ่านเครือข่ายต่างๆมากมาย แต่เราจะสามารถมั่นใจได้อย่างไร ว่าจะไม่มีบุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลของเราได้นอกจากตัวเราและปลายทาง VPN คือสิ่งที่จะเข้ามาช่วยในการเพิ่มความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลของเรา ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
VPN คืออะไร ใช้ทำอะไร
VPN (Virtual Private Network) คือ เครือข่ายส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่เปรียบเสมือนเครือข่ายสาถารณะ ซึ่งเป็นการสร้างการสร้างการเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่ง VPN นั้น ถูกใช้ในการส่งข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัยสูง
เนื่องจากการใช้ VPN จะไม่เปิดเผยตัวตนผ่านเครือข่ายสาถารณะ โดย VPN จะทำการปกปิดที่อยู่ Ip Address ของเราไว้ และทำการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาต สามารถเข้าดึงข้อมูลของเราได้
ที่อยู่ IP (IP Address) คืออะไร
Internet Protocol Address หรือที่เราเรียกว่า ที่อยู่ IP นั้น ถูกใช้สำหรับการเป็นตัวระบุ คล้ายชื่อของคอมพิวเตอร์ที่ถูกใช้ในเครือข่าย โดยปรกติ เลข IP Address นั้น จะประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด ใช้สำหรับระบุตำแหน่งของคอมพิวเตอร์ อีกทั้งเลข IP Address นั้น จะไม่สามารถซึ้งกับผู้อื่นได้ เพื่อไม่ให้เกิดการสับสนในการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์
เซิร์ฟเวอร์ VPN คืออะไร?
เซิร์ฟเวอร์ VPN คือตัวกลางในการให้บริการของ VPN เป็นสื่อกลางที่ใช้รับส่งข้อมูล เข้ารหัสข้อมูล เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต เข้าถึงข้อมูลของเราได้ เซิร์ฟเวอร์ VPN นั้น จะอยู่ตรงกลางระหว่าง ผู้ส่งข้อมูลและผู้รับข้อมูล
VPN มีหลักทำงานอย่างไร
หลักการทำงานของ VPN คือ การเปลี่ยนเส้นทางแพ็กเก็ตหรือข้อมูลของเรา ไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลอื่น ก่อนที่จะทำการส่งต่อข้อมูลไปยังที่หมายของเรา โดยระหว่างการส่งข้อมูล ตัวเซิร์ฟเวอร์ VPN จะทำการเข้าระหัสแพ็คเก็ตเพื่อป้องกันกาะเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยจะทำการเข้ารหัสที่ ปลายทางทั้งสองฝั่งเท่านั้นที่อ่านได้ รวมไปถึงการปกปิด IP Address เพื่อควาเป็นส่วนตัว ป้องกันไม่ให้ปลายทางสามารถระบุที่ต้องของคอมพิวเตอร์เราได้อีกด้วย
ประเภทของ VPN
เนื่องจากการใช้งานเครือข่ายในปัจจุบันนั้นมีมากขึ้น และระดับความสำคัญของแต่ละแพ็คเก็ตในเครือข่ายนั้น อาจไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงเกิดการแบ่งประเภทของ VPN เพิ่มเข้ามา เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับแพ็คเก็ต
Site to Site VPN
Site to Site VPN เหมาะแก่การใช้สื่อสารภายใน จึงมักถูกนำมาใช้ในงานระดับองค์กร เนื่องจากบางองค์กรนั้น มีสาขาปลีกย่อยมากมาย การใช้ Site to Site VPN จะช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยของการส่งข้อมูล เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อเครือข่าย จากสำนักงานหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่งโดยตรงเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบภายในองค์กร หรือที่เรียกว่า Intranet
ทั้งนี้ เรายังสามารถใช้ Site to Site VPN ในการเชื่องต่อกับองค์กรอื่นๆได้ โดยใช้ Extranet เพื่อเชื่อและส่งข้อมูลเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายนอกองค์กร ทำให้การสื่อสารนั้น ถูกจำกัดอยู่ในวง VPN เพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารและรับส่งข้อมูลได้สูง
Client VPN หรือ VPN แบบเปิด
VPN แบบเปิดนั้น ใน Client VPN จะมีผู้ดูแลระบบ ที่ทำหน้าที่ในการตั้งค่า VPN จากนั้นจึงแจกจ่ายไฟล์ที่ได้ทำการกำหนดค่าแล้ว ไปยังผู้ใช้ปลายทางที่ต้องการเข้าถึง VPN นั้นๆ แต่หากไม่มีไฟล์กำหนดค่าของ VPN นั้น จะทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ VPN ในระบบได้
อีกทั้ง สามารถตั้งค่าเพิ่มหรือลดการเข้าถึงได้เต็มรูปแบบ เพิ่มความยืดหยุดในการใช้งานได้มาก เป็นการใช้ VPN ที่เพิ่มความปลอดภัยในเครือข่ายขององค์กร หรือเครือข่ายธุรกิจได้สูง เนื่องจากบุคคลภายนอกนั้น ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ หากไม่มีไฟล์กำหนดค่าที่ถูกตั้งค่าโดยผู้ดูแลระบบ
SSL VPNA
SSL VPNA (Secure Sockets Layer + Virtual Private Network) คือการใช้เครือข่ายสาธารณะเป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลระหว่างองค์กร โดยเป็นการเข้ารหัส ที่มีการกำกับไว้โดย Username และ Password เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย
เนื่องจากการใช้เครือข่ายสาธารณะนั้น จะช่วยให้บุคคลที่อยู่นอกสถาณที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายมากขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องไฟล์กำหนัดค่าหรือต้องใช้เครือข่ายภายในเท่านั้น ทำให้การเข้าถึงง่ายขึ้น สามารถใช้งานได้ในทุกสถาณที่ที่มีเครือข่าย
การใช้ VPN มีความปลอดภัยไหม
VPN นั้นมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการเข้ารหัสของข้อมูลเราทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าถึงจากแหล่งที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่วยลดความเสี่ยงในการโดนโจรกรรมข้อมูลได้ ช่วยในการปกปิดที่อยู่ IP เพื่อป้องกันการตรวจสอบที่อยู่ของเราได้
ประโยชน์ของ VPN มีอะไรบ้าง
VPN ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยการเข้ารหัสของ VPN ช่วยปกปิดข้อมูลของเราที่ส่งไปยังเครือข่ายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเครือข่ายสาธารณะฟรี ที่สามารถดักกรองข้อมูลได้ง่าย การใช้ VPN จะช่วยแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี
VPN ช่วยปกปิดตัวตนของท่าน โดยเว็บไซต์ต่างๆนั้น อาจเก็บข้อมูลการท่องเว็บหรือสถาณที่ที่คุณใช้งานเครือข่าย การใช้ VPN จะช่วยปกปิด ที่อยู่ IP ของท่าน เพื่อปกปิดข้อมูลดังกล่าวได้
ข้อเสียของ VPN
เนื่องจาก การใช้งาน VPN นั้น จำเป็นต้องส่งข้อมูลผ่าน เซิร์ฟเวอร์ VPN จึงทำให้ ผู้ให้บริการ VPN นั้น สามารถที่จะอ่านข้อมูลของเราได้ หากเราเลือกใช้บริการ VPN ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอ ข้อมูลสำคัญของเราอาจถูกนำไปขายหรือถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ดี
ทั้งนี้เนื่องจากการที่ VPN นั้น สามารถปกปิดตัวตนได้ จึงสามารถทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ได้ สาเหตุมาจากการติดตาม ที่อยู่ IP นั้น เป็นเรื่องยากหากไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการ VPN
ใครที่ต้องการใช้ VPN บ้าง
ผู้ที่เหมาะแก่การใช้ VPN คือ กลุ่มคน หรือกลุ่มธุรกิจที่มีความจำเป็นในการรับส่งข้อมูลที่มีความสำคัญสูง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ต่อองค์กรและธุรกิจของตน
ทั้งนี้หากท่านใดสนใจที่วางระบบ Network ภายในองค์กรเชิงพาณิชย์ ไม่ว่างานจะเป็นรูปแบบ เซ็ทอัพ wifi เซ็ทอัพ access point สำหรับการวางระบบnetworkในสํานักงาน สามารถติดต่อสอบถาม รับวางระบบ Network ของ Personet บริการโซลูชั่นเครือข่ายแบบครบวงจรทุกขนาดโครงการ เราจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ ระบบเครือข่ายและให้บริการติดตั้งไฟเบอร์ออฟติก, แลน, กล้องวงจรปิด, ไฟฟ้า, โทรศัพท์ และบริการด้านไอที
สรุป
ทั้งนี้ การตัดสินใจว่าควรใช้ VPN นั้น อาจขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ว่าเรานั้นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนในการใช้ VPN เนื่องจากการใช้งาน VPN บางเจ้านั้น มีค่าใช้จ่าย หากเป็นการรับส่งข้อมูลที่ไม่สำคัญมาก อาจจะลดการใช้ VPN ลง แต่หากการรับส่งข้อมูลนั้น ต้องการความปลอดภัยสูง VPN คือหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยให้คุณหายห่วงได้แน่นอน