Personal Area Network (PAN) คืออะไร มีหน้าที่อย่างไรบ้าง

Personal Area Network คืออะไร

Personal Area Network คือ เครือข่ายพื้นที่ส่วนบุคคล หรือถ้าขยายความให้เข้าใจง่ายขึ้น มันคือระบบเครือข่ายไร้สายที่เชื่อมต่อกันภายในพื้นที่ส่วนบุคคล โดยการเชื่อมต่อที่ว่ามีระยะทางหรือขอบเขตในการเชื่อมต่อค่อนข้างสั้น แต่มีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดที่ประมาณ 480 Mbps ซึ่งนับว่าเป็นอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่สูง

Personal Area Network หรือ ที่เรียกว่า PAN มีหน้าที่ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในพื้นที่ในรูปแบบเครือข่าย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ คือ การเชื่อมต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์เข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง โทรศัพท์มือถือ printer เป็นต้น PAN จึงมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ในพื้นที่เครือข่ายขนาดเล็ก อย่างเช่น บ้าน สถานที่ราชการ สำนักงาน เพราะเป็นเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง

ประเภทของ Personal Area Network (PAN) มีอะไรบ้าง

Personal Area Network สามารถแบ่งระบบเน็ตเวิร์คออกมาได้ 2 ประเภท ขึ้นอยู่กับว่าเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครือข่าย pan network ด้วยวิธีการใด โดยจำแนกออกเป็น การเชื่อมต่อแบบใช้สาย และ การเชื่อมต่อแบบไร้สาย

Wired PAN

Wired PAN หรือ Wired Personal Area Network มีความหมายตรงตัว คือ การเชื่อมต่อเครือข่ายส่วนตัวด้วยสาย เป็นpan network ที่ใช้การเชื่อมต่อด้วยสายCable หรือ สายไฟฟ้า ที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน คือ การเชื่อมต่อสาย USB (Universal Serial Bus) นั่นเอ

การเชื่อมต่อเครือข่าย Personal Area Network แบบใช้สาย

Wireless PAN

Wireless PAN หรือ Wireless Personal Area Network มีความหมายตรงกันข้ามกับ Wired PAN คือ การเชื่อมต่อเครือข่ายส่วนตัวแบบไร้สาย เป็น pan network ที่อาศัยสัญญาณในการเชื่อมต่อเครือข่ายกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น การเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการเชื่อมอุปกรณ์ไร้สาย ไม่ว่าจะเป็น เมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง เข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์

การเชื่อมต่อ Personal Area Network แบบไร้สายผ่านกับหูฟัง

ตัวอย่างของ Personal Area Network (PAN)

Personal Area Network เป็นเครือข่ายที่ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพสูง ในชีวิตประจำวันเราก็เคยใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย PAN ทั้งรูปแบบPAN และ wpan (ไร้สาย) ซึ่งเครือข่าย PAN ก็ถูกนำมาใช้ในเทคโนโลยีต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของมนุษย์  เรามาดูตัวอย่างการใช้ PAN ในชีวิตประจำวันของเรากันบ้าง

เทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย Body Area Network (BAN)

Body Area Network (BAN) หรือที่เรียกว่า Wireless Body Area Network  เป็นเทคโลโนยีที่อาศัยการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สายกับอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับร่างกายของมนุษย์ อาจเป็นอุปกรณ์ที่ฝังเอาไว้ หรือ เป็นสิ่งที่มนุษย์พกพา สวมใส่ ก็ได้เช่นกัน เพื่อเป็นช่องทางผ่านในการติดต่อและสื่อสารด้วยประสาทสัมผัสต่างๆ ของมนุษย์ ทั้งการมองเห็น การได้ยิน การพูดคุย 

ตัวอย่าง Body Area Network ที่พบได้บ่อย คือ การเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านหูฟัง Bluetooth เพื่อใช้ในการสื่อสารรับสารข้อมูล ( การฟังเพลงหรือข่าวต่างๆ หรือ พูดคุยผ่านโทรศัพท์ ) เป็นการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับร่างกายของมนุษย์ในรูปแบบหนึ่ง

นอกจากการใช้งานทั่วไปแล้ว BAN ยังมีประโยชน์อย่างมากในทางวิชาการแพทย์ ในปัจจุบันวงการแพทย์มีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์ BAN ในวงการแพทย์ถูกนำมาใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพ การตรวจสุขภาพร่างกายและวินิจฉัยโรค ด้วยอุปกรณ์ที่ติดตั้งกับร่างกาย หรือ ฝังลงไปในร่างกายของมนุษย์ เป็นต้น ไม่ใช่แค่การแพทย์เท่านั้น เทคโนโลยีปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นทำให้ BAN มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตหลากหลายด้านยิ่งขึ้น

 

[row_inner_3] [col_inner_3 span__sm=”12″]

Home Office

หลายคนคงรู้จัก Home Office แต่ถ้าใครไม่รู้จักมันคือ สำนักงานกึ่งๆ บ้านด้วยการออกแบบตัวบ้านแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนเพื่อความสะดวกในการทำงาน ซึ่ง Personal Area Network มีประโยชน์กับHome Office ในการแบ่งเครือข่ายสำหรับทำงานโดยเฉพาะภายใน Home Office เครือข่ายของอุปกรณ์ที่แยกออกมาจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในสำนักงานเพื่อการทำงานเท่านั้น อุปกรณ์อื่นหรือเครือข่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานจะถูกแยกออกไป

เครือข่ายการทำงานที่ถูกสร้างขึ้นก็มีประโยชน์กับการรับส่งข้อมูลให้กับอุปกรณ์ภายในเครือข่ายเดียวกัน อย่างการเชื่อมต่อเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องภายในสำนักงานเข้าด้วยกันช่วยสร้างความสะดวกสบายในการรับส่งข้อมูลในการทำงาน

[row_inner_4] [col_inner_4 span__sm=”12″]

Offline Network

เครือข่ายแบบออฟไลน์เป็นการเขื่อมต่ออุปกรณ์โดยไม่ใช้อินเทอร์เน็ตภายใต้เครือข่าย Personal Area Network มักเป็นการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth อย่างเช่นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ระหว่างโทรศัพท์ และ คอมพิวเตอร์ เพื่อถ่ายโอนข้อมูล 
เครือข่ายแบบออฟไลน์เป็นที่นิยมกับการใช้ในบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก เครือข่าย PAN สามารถรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอินเทอร์เน็ต

[/col_inner_4] [/row_inner_4] [row_inner_4] [col_inner_4 span__sm=”12″]

Personal Area Network (PAN) และ Wireless Personal Area Network (WPAN) ต่างกันอย่างไร

– Personal Area Network (PAN)

Personal Area Network โดยทั่วไปจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านสายสัญญาณ cable หรือ สายไฟ ซึ่งตรงนี้ทำให้ PAN แตกต่างจาก WPAN ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งตัวสายในการเชื่อมต่อ ทำให้ตัวอุปกรณ์ที่ออกมารองรับในการเชื่อมต่อ PAN ก็จะแตกต่างกับ WPAN เช่นกัน เราเชื่อมต่อสายไฟด้วยการเสียบ USB เข้ากับอุปกรณ์เพื่อรับส่งข้อมูล pan data ภายในเครือข่าย

– Wireless Personal Area Network (WPAN)

Wireless Personal Area Network หรือ wpan เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายในระยะบุคคล มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลสูงในระยะไม่เกิน 10 เมตร เทคโนโลยี wpan ที่รู้จักกันในปัจจุบัน ก็คือ Bluetooth wpan ต่างจาก PAN ด้วยการเชื่อมต่อไร้สายผ่านBluetooth ทำให้เราสามารถรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์โดยไม่ต้องพึ่งพาสายcable หรือ สายไฟฟ้า แบบ PAN อีกทั้งอุปกรณ์ที่รองรับหรือซัพพอร์ตเทคโนโลยีเครือข่าย wpan ก็มีราคาที่สูงกว่า PAN

[/col_inner_4] [/row_inner_4] [row_inner_4] [col_inner_4 span__sm=”12″]

ข้อดีและข้อเสียของ Personal Area Network (PAN)

[row_inner_5] [col_inner_5 span__sm=”12″]

ข้อดีของ Personal Area Network (PAN)

Personal Area Network มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลสูงในเครือข่ายที่มีระยะสั้น นับว่าเป็นข้อดีอันดับแรกของ PAN ด้วยความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ ผนวกกับการติดตั้งเครือข่าย pan network ค่อนข้างง่าย มีต้นทุนในการติดตั้งต่ำ เหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้านหรือสำนักงานเล็กๆ

PAN เป็นเครือข่ายที่ง่ายทั้งการติดตั้ง ทั้งการดูแล แถมอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ PAN สามารถพกพาได้จึงอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์เป็นอย่างมาก ในชีวิตประจำวันเราสามารถหยิบโทรศัพท์มาเชื่อมต่ออุปกรณ์อย่างหูฟังได้อย่างง่ายดายและพกพาไปไหนก็ได้ นี่จึงกลายเป็นอีกข้อดีหนึ่งของ PAN 

PAN จึงเป็นเครือข่ายข้อมูลที่ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพในการทำงานสร้างความสะดวกสบายให้แก่เรา เราไม่จำเป็นต้องอ่านคู่มือหรืออ่านคำแนะนำในการใช้งานเครือข่ายดังกล่าว แต่ PAN ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน

[row_inner_6] [col_inner_6 span__sm=”12″]

ข้อเสียของ Personal Area Network (PAN)

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า  Personal Area Network เองก็มีข้อเสียอยู่เช่นเดียวกัน ข้อเสียอย่างแรกที่ผูกติดอยู่กับข้อดีของ PAN ก็คือ ด้วยประสิทธิภาพที่ดีในการรับส่งข้อมูลแต่มีข้อจำกัด คือ มีพื้นที่ครอบคลุมหรือระยะของเครือข่ายค่อนข้างจำกัด PAN เหมาะสมกับการใช้ในบ้านหรือสำนักงานเล็ก แต่ถ้าระยะครอบคลุมที่ใช้งานเครือข่ายมันเกินกว่า PAN เครือข่ายนี้ก็ไม่ตอบโจทย์หรือซัพพอร์ตเครือข่ายขนาดใหญ่

อัตราการส่งข้อมูลของ PAN นับว่าต่ำสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพมากกว่าการใช้งานทั่วไป อย่างเช่น เชื่อมต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์กับส่วนเสริม หรือ ดูหนัง ฟังเพลง ด้วยความที่ว่า PAN เป็นเครือข่ายที่ค่อนข้างเล็กอัตราการส่งข้อมูลก็จำกัดเช่นกัน

ส่วนต่อมาเป็นข้อเสียหลักๆ ของ PAN ในรูปแบบไร้สาย หรือ wpan คือ อุปกรณ์ที่ซัพพอร์ตเครือข่าย wpan หรือ ใช้งานร่วมกันมีราคาที่ค่อนข้างสูง เพราะความสะดวกสบายในการใช้งานแลกมากับการติดตั้ง wpan ในตัวทำให้ราคาของอุปกรณ์จะสูงกว่าการใช้งาน pan แบบมีสาย

[/col_inner_6] [/row_inner_6] [row_inner_6] [col_inner_6 span__sm=”12″]

สรุป

PAN หรือ Personal Area Network เป็นเครือข่ายสำหรับรับส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงภายใต้ระยะพื้นที่ครอบคลุมที่จำกัด PAN เหมาะกับการใช้งานในบ้าน หรือ สำนักงาน โดย PAN ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับส่ง pan data จากอุปกรณ์หนึ่งไปอุปกรณ์อื่นๆ เทคโนโลยีที่ใช้เครือข่ายของ PAN ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

PAN มี 2 ประเภท คือ 1.Wired PAN (มีสาย) 2. Wireless PAN (ไร้สาย) ซึ่งทั้งสองแบบก็ใช้งานในการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในพื้นที่เพียงแต่ว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานมีลักษณะแตกต่างกันออกไป PAN มีข้อดีในการใช้งานสะดวก มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่และอัตราการส่งข้อมูลที่ค่อนข้างต่ำ

ในปัจจุบันเทคโนโลยีของเราได้พัฒนาการใช้เครือข่าย PAN เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเราในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้ชีวิต ทางการแพทย์ เพื่อสร้างความบันเทิง PAN จึงเป็นเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพภายใต้ขอจำกัดของเครือข่ายพื้นที่ขนาดเล็ก

[/col_inner_6] [/row_inner_6] [/col_inner_5] [/row_inner_5] [/col_inner_4] [/row_inner_4] [/col_inner_3] [/row_inner_3]